จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

เทคนิคแต่งตาให้สวยครบสูตรด้วยวิธีง่ายๆ ภายใน10นาที

เทคนิคแต่งตาให้สวยครบสูตรด้วยวิธีง่ายๆ ภายใน 10 นาที

19 January 2009 4 ความคิดเห็น
วันนี้ป้า Pimu จะมาชวนสาวๆ แต่งตาให้ สวยสมบูรณ์แบบท้าลมหนาวกัน อากาศหนาวๆ แบบนี้สาวๆ หลายคนคงไม่อยากจะลุกจากที่นอนมาอาบน้ำแต่งตัวกันแต่เช้าเพื่อจะทำภารกิจ ต่างๆ ในแต่ละวันแน่ๆ อาจจะมีบางคนตื่นสายมั่งล่ะ ไม่มีเวลาจะแต่งหน้าแต่งตัวมากนัก อาจจะแค่ทาครีมกันผิวแห้งแตกและแต่งหน้านิดหน่อยพองาม แค่เติมแก้มเติมปาก ป้าอยากให้สาวๆ ยอมสละเวลาอีกซัก 10 นาที เพื่อแต่งตาให้สวยรับลมหนาวไม่แพ้ส่วนอื่นๆ ของร่างกายกัน

 Step 1 เตรียมผิวรอบดวงตาให้พร้อม : เทคนิคการแต่งตาก่อนอื่นก็ต้องเตรียมผิวรอบดวงตาให้หายหมองคล้ำด้วยการลงคอนซีลเลอร์ (Concealer) ก่อนแต่งตาซะ ก่อน พูดง่ายๆ ก็คือต้องกลบเกลื่อนความหมองคล้ำรอบดวงตากันหน่อย จะได้ดูสดใส ไม่แลดูอิดโรย อดหลับอดนอน ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ความหมองคล้ำรอบดวงตาลดเลือนลงแล้ว คอนซีลเลอร์ยังสามารถช่วยให้สีผิวรอบดวงตาดูสม่ำเสมอเป็นธรรมชาติได้อีกด้วย รวมทั้งรอยม่วงคล้ำที่ดูแล้วไม่น่าพึงพอใจ เจ้าคอนซีลเลอร์นี้ ก็จัดการได้และทำให้แต่งตาได้เนียนสนิทสวยปิ๊ง ทำได้โดยแต้มเป็นสามจุดเล็กๆ ใต้ตาทั้งสองข้าง จากนั้นเริ่มปาดจากมุมด้านในซึ่งเป็นส่วนที่มีความหมองคล้ำมากที่สุด ปาดมาเลยจากซ้ายมาขวา เสร็จแล้วให้ตบเบาๆ จนกระทั่งเนื้อครีมเข้ากันกับผิว อย่าใช้วิธีถูนะจ้ะเพราะจะทำให้เป็นคราบปื้นๆ ไม่สวย  
  Recommend : Laura Mercier Secret Camouflage Concealer 
 

สาวคนไหนยังไม่รู้ว่าจะใช้คอนซีลเลอร์ยี่ห้อไหนปกปิดก่อนแต่งตาดีป้าก็มีตัวนี้มาแนะนำเลยจ้ะ เป็นคอนซีลเลอร์เนื้อ ครีมชุ่มชื้นมาก ทาแล้วเหมือนทามอยซ์เจอร์ไรเซอร์รอบดวงตาเลยแหละ เหมาะมากๆ สำหรับสาวที่มีผิวแห้งและบอบบาง ช่วยกลบเกลื่อนรอยหมองคล้ำ รอยม่วงรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี ผลิตภัณฑ์ของป้ารอล่าตัวนี้ดีครงที่เนื้อครีมแบ่งเป็นสองโทนสี คือโทนสีเข้มและอ่อน ไว้สำหรับผสมสีให้เข้ากันหรือจำนำมาทำเป็นเฉดดิ้งไว้เน้นตรงจุดที่อยากเน้น เช่นดั้งจมูกก็ได้
 Step 2 สีติดทนทานด้วยอายเบส : เทคนิคการแต่งตาขั้นต่อมาคือให้ลงเบสบนเปลือกตาด้วย Eye base เป็นเคล็ดลับการแต่งตาที่ ช่วยให้อายชาโดว์ติดทนนานหลายชั่วโมง ถ้าหากว่าเราทาอายชาโดว์โดยที่ไม่ลง Eye base เสียก่อน ก็จะทำให้อายชาโดว์ที่ทาลงไปนั้นสีซีด แถมเห็นเป็นรอยร่องพับบนเปลือกตาอีก ต่างหาก

  
Recommend : Lunasol Under Eyes Base


 เป็นอายเบสเนื้อบางเบา แต้มลงไปแล้วเหมือนกับมันจะละลายกลืนเข้าไปกับผิวทันทีเลย เพราะเป็นสูตรน้ำจึงไม่มันหรือเหนียวหนึบหนับให้รำคาญใจ ตัวนี้เป็นคอนซีลเลอร์ปกปิดรอยหมองคล้ำรอบดวงตาได้ด้วย ช่วยให้อายชาโดว์ติดทนนานหลายชั่วโมง โดยที่สีไม่เพี้ยนเลย ถ้าใช้เป็นคอนซีลเลอร์ก็ ดีไม่น้อยเช่นกัน เพราะมีคุณสมบัติกระจายแสง ทำให้ดวงตาดูกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ดูไม่ออกว่าใช้ตัวช่วยในการปกปิดริ้วรอยรอบดวงตาเลย
 Step 3 ละเลงสีสันเพื่อดวงตาที่มีเสน่ห์ : เทคนิคการแต่งตาขั้นตอนการปาดอายชาโดว์มั่งแล้ว การแต่งตาด้วยอายชาโดว์ที่ ดีที่สุดคือการใช้โทนสีสามสีและไล่เฉดสีจากเปลือกตามาถึงใต้คิ้ว เกลี่ยให้มันกลมกลืนกันในแต่ละข้างให้มันมีลักษณะเป็นสายรุ้งก็ดูดีทีเดียว วิธีการทาแบบ Mally Roncall ช่างแต่งหน้ามืออาชีพ ก็คือจะเริ่มโดยใช้โทนสีอ่อนที่ใกล้เคียงกับสีของเปลือกตา จากนั้นให้ปัดเป็นแนวนอนไล่มาจนถึงโหนกคิ้ว เสร็จสีแรกก็ให้ตามมาด้วยสีที่สองเป็นเฉดกลาง เฉดกลางนี้ให้ปาดแต่บริเวณเปลือกตาก็พอ จากนั้นขั้นตอนสุดท้ายคือเฉดสีที่สามซึ่งเป็นเฉดสีที่เข้มที่สุด ให้นำสีที่เข้มที่สุดนั้นมาปาดบริเวณรอยพับของเปลือกตา เกลี่ยให้เข้ากัน แค่นี้ก็เรียบร้อย
 
   


Recommend : M.A.C Eye Shadow
                         
เป็นอายชาโดว์ที่ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ อะไรมากเลย พูดได้สั้นๆ เลยว่าให้สีสดและติดทนนาน และข้อดีของเครื่องสำอางยี่ห้อนี้ก็คือมีสีสันให้เลือกหาเยอะมากจริงๆ สีสวยๆ ทั้งนั้น
 Step 4 อายไลน์เนอร์เฉพาะจุดเพื่อเพิ่มความโดดเด่น : เทคนิคการแต่งตาหลังจากทาอายชาโดว์เรียบร้อยแล้ว คราวนี้มาถึงขั้นตอนการกรีดอายไลน์เนอร์กันบ้าง ใครที่ไม่ถนัดใช้อายไลน์เนอร์แต่งตาแล้ว เขียนไม่เท่ากันมั่ง เลอะเทอะมั่งล่ะ มีวิธีแก้ไขจ้ะ โดยการใช้อายไลน์เนอร์เพียงบางจุดของขอบตาเท่านั้น แต่ก่อนอื่นเราจะต้องมีพู่กันหัวตัดสำหรับเขียนอายไลน์เนอร์ นำแปรงไปจุ่มน้ำเพื่อให้หัวแปรงเปียก เสร็จแล้วนำพู่กันที่ได้ไปจิ้มจุ่มอายชาโดว์สีดำ หรือสีอะไรก็ได้ที่เข้มๆ แล้วแต่ชอบ จิ้มจุ่มสีขึ้นมาได้แล้วก็เอาไปทาบริเวณแนวขนตาเลย ย้ำเลยนะว่าทาให้ชิดแนวขนตามากที่สุดเท่าที่จะชิดได้ เวลาแต่งตาเสร็จ จะได้ออกมาคมๆ ไม่เห็นสีขาวๆ ของขอบตา ทางที่ดีคือต้องเขียนที่ขอบตาด้านในด้วย แต่สาวๆ บางคนก็อาจจะกลัวโดนลูกตา ก็แค่ปาดให้มันชิดแนวขนตาให้ได้มากที่สุดก็พอ จากนั้นให้ใช้อายไลน์เนอร์ทาลงบนกึ่งตาของขอบตาล่างเท่านั้น แล้วค่อยใช้สำลีก้านเบลนให้ทั่วขอบตาล่าง ในกรณีนี้ใช้อายไลน์เนอร์แบบเจลจะดีที่สุด เพราะเนื้อมันนิ่ม เกลี่ยง่าย แบบน้ำนั้นถ้าใครเป็นคนที่ฝีมือยังไม่ค่อยเก่ง ไม่ค่อยแม่น ก็จะพาลเลอะเทอะเอาได้ง่ายๆ ยิ่งเสียเวลากันเข้าไปใหญ่ ส่วนสาวคนไหนอยากแต่งตาแนวสโมคกี้อายก็ให้ใช้แปรงแต้มอายชาโดว์สีเข้มๆ นำมาทาตามแนวเปลือกตาทั้งด้านบนและด้านล่าง ทาไปตามชอบใจเลยเพราะแต่งตาแนว นี้ไม่จำเป็นต้องวาดเส้นตรงเนี้ยบ เพราะสาวๆ ที่อยากได้สโมคกี้อายก็ต้องยิ่งเกลี่ยให้มันฟุ้งๆ รมควันอยู่แล้ว จะได้มีขอบตาที่ฟุ้งกระจายเปรี้ยวซ่า ละเลงให้เต็มที่เลยจ้า

  

  Recommend : Bobbi Brown Long Wear Gel Eyeliner
 
 เจ ลอายไลน์เนอร์จาก Bobbi Brown ได้รับรางวัลมากมายจากนิตยสารชื่อดังอย่าง ELLE , In Style , Allure ปี 2008 เป็นเจลอายไลน์เนอร์ที่เขียนได้ง่าย ให้เส้นคมชัด นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติกันนำกันเหงื่อ ทำให้ติดทนนานตลอดทั้งวัน ไม่เป็นแพนด้า มีให้เลือกหลายเฉดสีอีกด้วย
 Step 5 เสริมความกระจ่างให้กับดวงตา : เทคนิคการแต่งตาขั้น ตอนนี้ก็เป็นเพียงขั้นตอนเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้ดวงตาดูกระจ่างใสขึ้นมา ด้วยไฮไลท์สีทองหรือสีชมพู ถ้าเป็นสีขาวมันจะวอกเกินไป ให้นำพู่กันแตะบางๆ แล้วนำมาระบายให้ทั่วในลักษณะตัว V จากด้านบนมายังด้านล่างแล้วก็ใช้นิ้วมือเกลี่ยอย่างเบามืออีกซักนิดก็จะช่วย ให้ดวงตาดูสดใสขึ้นอีก

   

 Recommend : Guerlain Meteorites Powder for The Face
 เป็นแป้งไฮไลท์แบบเม็ด มีกลิ่นหอม ภายในกระปุกมีเม็ดแป้งหลายสีป้าแนะนำให้เลือกโทนสีเบอร์ 01Mythic จะออกโทนสีชมพู-ฟ้า เป็นวิ้งค์สวยงาม สว่าง นวลเนียน
 Step 6  เสริมความงามให้แก่คิ้ว : เทคนิคการแต่งตาใช้ไฮไลท์เดิมมาป้ายบริเวณใต้คิ้ว เน้นให้เข้มบริเวณกลางคิ้ว เกลี่ยให้งามด้วยนิ้วเลยจ้ะ จะได้คิ้วเป็นประกายสวย 


 Step 7  ดัดขนตาให้งอนงาม : เทคนิคการแต่งตาด้วยที่ดัดขนตาเป็นเครื่องมือที่สาวๆ ทุกคนควรมีตอดกระเป๋า ติดโต๊ะเครื่องแป้งไว้ได้เลย เครื่องมือแต่งตาที่สุดแสนจะเบสิกเช่นนี้จะช่วยให้สาวๆ ได้ขนตาที่งอนงาม ช่วยให้ดวงตาดูสวยเป็นผู้หญิงขึ้นมาอีกมากนักแ ป้าไปอ่านเจอเทคนิคแต่งตาใน การใช้ที่ดัดขนตาคือ ก่อนที่จะใช่เนี่ยนะ ให้นำมันไปอุ่นให้ร้อนด้วยไดร์เป่าผมซักหน่อยนึงก่อน ประมาณ 30 วินาที หรืออาจน้อยกว่านั้นขึ้นอยู่กับความแรงของไดร์เป่าผมแต่ละเครื่อง จากนั้นก็นำมาดัดได้เลย ระวังอย่าให้มันร้อนเกินจนลวกหนังตาเข้าละกันนะจ้ะสาวๆ วิธีนี้จะช่วยให้ขนตางอนสวย เนิ่นนาน เป็นระเบียบมากขึ้น

 

Step 8  ตบท้ายด้วยจิ้มจุ่มเสริมเสน่ห์อย่างมาสคาร่า :  เทคนิคการแต่งตาให้ปัดมาสคาร่าจากโคนขนตาโดยใช้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของหัวแปรงเพื่อเป็นการย้ำให้มาสคาร่าติดอย่างทั่วถึง จากนั้นให้หมุนหัวแปรงไปมาตามแนวโค้งงอของขนตา เอาให้เด้งสุดๆ ไปเลย


Recommend : มาสคาร่าที่ ปัดได้งอนงาม สวยเด้งตลอดทั้งวันต้องยกให้ตัวนี้เลย Maybelline Volum’ Express Waterproof Mascara Hyper Curl เลือกสูตรกันน้ำนะจ้ะ ป้าใช้อยู่เลยมาสคาร่าตัว นี้ ไอ้ที่แท่งอ้วนๆ สีดำตัวหนังสือชมพูน่ะ กำลังโฆษนาออกอากาศเลย เห็นโฆษนาว่า “ฮิตถึงขีดสุดในญี่ปุ่น” ป้าเลยลองซื้อมาใช้ดู เพราะว่าไอ้มาสคาร่าอันเก่าที่ป้าใช้อยู่เนี่ยมันไม่ค่อยดีเลย ปัดแล้วไม่เด้ง แถมยังติดเป็นก้อน ล้างออกก็ยากอีกต่างหาก มาสคาร่ายี่ห้อดังมากๆ ยี่ห้อหนึ่งสัญชาติญีปุ่น ไปเดาเอาเองละกันนะว่ามาสคาร่ายี่ห้ออะไร แพงก็แพงเล่นเอากระเป๋าตังป้าที่ฉีกอยู่แล้วยิ่งฉีกกว้างกว่าเดิม แต่มาสคาร่าของ Maybeline ตัวนี้ป้าไม่ผิดหวังจริงๆ ไม่เป็นแพนด้า สวยเด้งทั้งวัน ไม่จับตัวเป็นก้อนสมกับที่โฆษนาจริงๆ เอาเป็นว่าถ้าใครไม่รู้จะซื้อมาสคาร่ายี่ห้อไหน ป้าก็ให้เจ้ามาสคาร่าตัวนี้ไว้เป็นตัวเลือกละกันนะ นี่ขอบอกก่อนนะจ้ะว่าป้าไม่ได้ค่านายหน้าใดๆ ทั้งสิ้น เฮอๆๆ
  
 
 เสร็จเรียบร้อยแล้วสูตรแต่งตาสวยใน 10 นาที หวังว่าสาวๆ คงจะมีดวงตาที่สวยงามกันทุกคนนะจ้ะ


วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

ทะเลาะอย่างไรไม่กระทบความรัก

หากเกิดปัญหาขึ้น เราจะประนีประนอมถนอมความรู้สึกคนรักได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหยุมหยิมไปจนถึงเรื่องการให้เกียรติกัน และความเสมอภาคเท่าเทียม เราจำเป็นที่จะต้องรู้วิธีที่จะจัดการ กับความขัดแย้งเหล่านี้
คุณจะตำหนิเขาอย่างไรโดยที่ไม่ใช้คำพูดถากถาง คุณจะขอร้องเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการอย่างไรโดยไม่มีการข่มขู่ หรือทะเลาะกันด้วยวิธีไหนด้วยคำพูด และการกระทำแบบใดที่จะไม่ทำให้ทั้งคุณและเขาต้องเสียใจภายหลัง



- ติเตียนโดยไม่ใช้คำพูดรุนแรง
เราควรฝึกไว้ใช้กับทุกๆ เรื่องในชีวิตประจำวัน ลองนึกดูสิว่าถ้าเจ้านายตำหนิคุณเรื่องงานโดยใช้คำพูดที่คุณฟังแล้วไม่ รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่า คุณก็จะไม่รู้สึกเครียด หรือการที่คุณ สามารถบอกคนรักได้ว่าคุณไม่พอใจที่เขาทิ้งกางเกงในเรี่ยราดบนพื้น โดยไม่ต้องใช้คำพูดถากถาง ประชดประชัน ที่สำคัญควรรู้จักยั้งคำพูดไว้บ้าง ไม่ใช่ระเบิดออกไปอย่างกราดเกรี้ยว คุณสามารถบอกคนรักให้เข้าใจความรู้สึกของคุณโดยนำการกระทำ และความรู้สึกมาผูกไว้ในประโยคคำพูด
เช่น "เวลาคุณ...(การกระทำของเขา) ฉันรู้สึก...(ความรู้สึกของคุณ)" เพียงแต่เติมคำลงในวงเล็บ ซึ่งควรเป็นคำพูดที่ตรงและเห็นภาพได้ เช่น "เวลาคุณทิ้งกางเกงในกองบนพื้น มันทำให้ฉันหงุดหงิด" หลีกเลี่ยงคำพูดใดๆ ที่จะไปกระตุ้นอารมณ์โกรธหรือโมโหของผู้กระทำ เช่น "ตอนคุณทิ้งกางเกงในบนพื้น มันทำให้ฉันรู้สึกว่าเป็นขี้ข้าที่ต้องคอยตามเก็บ" พูดอะไรให้มันตรงประเด็นและเข้าใจได้ง่าย
- หลีกเลี่ยงการดูถูก
การพูดดูถูกกันไม่ได้เป็นผลดีขึ้นเลย รวมถึงแววตาแสดงความรังเกียจหรือคำพูดเยาะเย้ย สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณอันตรายส่อว่าชีวิตคู่จะมีปัญหาหนัก คุณจำเป็นต้องเปิดอกคุยกัน อย่าเพิกเฉยต่อสัญญาณเหล่านี้ หากเริ่มรู้สึกว่าตัวเองพูดจาเชิงเยาะเย้ยคนรักเมื่อใด ควรสำรวจและทบทวนความรู้สึกของตนเองได้แล้ว หากคิดว่าเขาทำอะไรมักผิดไปหมด กรุณามองด้วยว่าสิ่งที่คุณทำนั้นมันถูกทุกอย่าง? รวมถึงควรมองพฤติกรรมของคนรักในแง่มุมอื่นๆ บ้าง
- โทษที่การกระทำ
ไม่ใช่ที่ตัวผู้กระทำ การกล่าวโทษว่าเขาป็นคนผิด ไม่ใช่การกระทำของเขาที่ผิด จะนำไปสู่ปัญหาได้ ซึ่งเราก็โทษกันแบบนี้อยู่บ่อยๆ "คุณไม่เคยเห็นคุณค่าของฉันเลย" ไม่มีใครพอใจที่ถูกกล่าวหา และคนเราเมื่อถูกกล่าวหาก็มักจะต้องปกป้องตัวเอง ดังนั้นเมื่อคุณรู้สึกโกรธและอยากจะระบายออกมา
คุณควรจะสงบสติอารมณ์และคิดมุ่งไปที่ตัวปัญหา ถ้าอยากให้เขารู้ถึงความรู้สึกของคุณ ก็ควรใช้คำพูดที่บ่งบอกถึงการกระทำของเขาที่กระทบความรู้สึกของคุณ พูดเฉพาะการกระทำที่ทำให้คุณโกรธ เป็นต้นว่า "ฉันกลัวเวลาคุณโมโหค่ะ" แทนที่จะพูดว่า "เวลาคุณโมโหนี่เหมือนคนบ้าเลยนะ"
- พูดกันให้เข้าใจ
ความมั่นคงทางอารมณ์ เกี่ยวข้องกับการเข้าใจความรู้สึกของตัวคุณเอง สามารถแสดงออกได้อย่างตรงไปตรงมา ไม่พาลโทษสิ่งอื่นใด และสามารถที่จะหาวิธีแก้ไขปัญหานั้นๆ ได้ คู่รักที่รู้จักสงบสติอารมณ์และหลีกเลี่ยงการขัดแย้ง รู้จักการประนีประนอมก็จะอยู่กันได้อย่างมีความสุข แต่การประนีประนอมอาจเป็นไปได้โดยไม่ราบรื่น หากอีกฝ่ายหนึ่งนิ่งเฉย ไม่ยอมให้ความร่วมมือ โดยการไม่พูด การที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเงียบเฉยไม่ยอมพูดจาปรับความเข้าใจกันเป็นอีกสาเหตุ สำคัญทำให้ความสัมพันธ์จบลงได้
- ขจัดความคิดทางลบ
ความคิดในเชิงลบอาจทำให้ชีวิตรักพังพินาศได้ หากแฟนของคุณเต้นรำใกล้ชิดกับเพื่อนสนิทมากเกิน อาจไม่ได้หมายความว่าเขากำลังพยายามลวนลามเธอ และหมดรักคุณแล้ว จำไว้ว่าการทำไม่ดีเพียงครั้งเดียว ไม่ได้ทำให้เขากลายเป็นคนเลวไปเลย ขจัดความคิดในเชิงลบออกไปจากหัวสมองของคุณเสียก่อนที่มันจะสายเกินไป

- ควบคุมความโกรธ

ความโกรธเป็นสิ่งที่เราต้องระบายมันออกมา แต่การระเบิดความโกรธอย่างเดือดดาลไม่เป็นผลดีแต่อย่างใด ในทางตรงข้ามการอดกลั้นเอาไว้ก็เป็นโทษได้เช่นกัน จากการวิจัยพบว่ายิ่งเก็บความโกรธไว้มากเท่าไหร่ ก็จะนำไปสู่การระเบิดอารมณ์ที่รุนแรงมากเท่านั้น
วิธีการจัดการกับความโกรธก็คือการสงบสติอารมณ์โดยเบนความสนใจไปยังสิ่ง อื่น เช่น เลี่ยงออกไปเดินข้างนอกเสียและคิดถึงเรื่องอื่นแทน พอคุณเริ่มสงบลงก็กลับมาพูดจากันใหม่ โดยใช้เหตุผลอย่าให้อารมณ์รุนแรงมาแทรก
- ถ้าปรับความเข้าใจกันได้
ก็จะใกล้ชิดกันมากขึ้น ถ้าคุณฝึกทักษะเหล่านี้สำเร็จ บทเรียนที่คุณจะได้รับนอกจากจะสามารถสื่อสารกันเยี่ยมยอดแล้ว ยังใกล้ชิดสนิทสนมมากขึ้นเป็นรางวัล เมื่อคุณสามารถบอกคนรักได้ถึงความรู้สึกของคุณ พร้อมกับรับฟังความรู้สึกของเขาได้เช่นกัน ความใกล้ชิดก็จะบังเกิดขึ้น และเมื่อนั้นคุณทั้งสองก็จะสัมผัสได้ถึงความมั่นคง ซึ่งทั้งหมดนี้แหละที่เรียกว่า "รักแท้"

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

วิธีป้องกันอาการเจ็บเท้า จากการใส่ส้นสูง

วิธีป้องกันอาการเจ็บเท้า จากการใส่ส้นสูง

1 “อยากสวยต้องอดทน” เป็นคติของผู้หญิงส่วนใหญ่ จริงไหมครับ  มีการสำรวจเรื่องของการใส่รองเท้าส้นสูง พบว่า มีผู้หญิงมากถึง 42 %ที่ยอมรับว่าอาการปวด ตึง เมื่อย แต่ก็ยังไม่ยอมเลิกใส่รองเท้าส้นสูง และมีผู้หญิงมีอาการจากการใส่รองเท้ามากถึง 73%
สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับอาการปวดจากการใส่ส้นสูง
เมื่อต้องใส่รองเท้าที่แน่นเกินไป หรือบีบรัดมากเกินไป ก็จะทำให้มีอาการปวดเท้าได้ ธรรมชาติของเท้าคนเรา ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รับน้ำหนักตัวเฉพาะบริเวณส่วนหน้าของเท้าเหมือนแบบเวลา ที่ใส่ส้นสูง
แต่เมื่อยิ่งเพิ่มส้นให้สูงขึ้นไป จะยิ่งทำให้มีอาการมากยิ่งขึ้น ทุกวันนี้รองเท้าส้นสูงมีแต่สูงขึ้นสูงขึ้น จากแรงที่ถูกกดลงไปมากยิ่งขึ้น  คือนอกจากบีบเท้าแล้ว ยังเพิ่มน้ำหนักที่ต้องรองรับเข้าไปอีก อาการจากการใส่รองเท้าส้นสูงจึงพบไ้ด้มากขึ้นเช่นกัน

อาการที่พบได้บ่อยทีุ่สุดก็คือ อาการปวด ตั้งแต่หัวแม่เท้า ฝ่าเท้า เอ็นร้อยหวาย น่อง ขึ้นไปจนถึงเข่า และเอวกันเลยทีเดียว

รองลงมาคือลักษณะที่เท้าผิดรูปไป
และปวดบริเวณกระดูกที่ยื่นออกมาตรงหัว แม่เท้า รองเท้าที่หน้าแคบบีบรัดมากไปจะทำให้รูปร่างของเท้าผิดรูปไปจากเดิม สุดท้ายต้องผ่าตัดเพื่อให้เท้ากลับมามีรูปร่างเป็นปกติ
นอกจากนี้เวลาใส่ส้นสูง สมดุลของร่างกายจะเลื่อนไปทางด้านหน้า โครงของกระดูกสันหลังจะโน้มไปข้างหน้า ทำให้มีอาการปวดหลัง หัวเข่าจะมีการเปลี่ยนจุดมุมที่รับน้ำหนัก ทำให้มีอาการเสื่อมของข้อเข่าเริ่มกว่าเดิม.
ปัญหาจากส้นสูงแบบต่าง  ๆ
ส้นสูงขนาดไม่พอดี

รองเท้าที่ไม่พอดี ที่หลวมเกินไป จะทำให้มีปัญหาสองตำแหน่งคือ ด้านหลังบริเวณเอ็นร้อยหวาย จะถูกเสียดสีจนเกิดการอักเสบ บวม เจ็บ หรือผิวหนังหนาขึ้นมาได้ แก้ไขได้โดยการใช้แผ่นรองช่วยเสริม การยืดกล้ามเนื้อจะช่วยลดการอักเสบได้
ส้นที่สูงมาก ๆ จะยิ่งทำให้น้ำหนักตัวกดลงไปที่กระดูกบริเวณโคนนิ้วหัวแม่เท้า บริเวณนั้นมีข้อต่อระหว่างกระดูกเท้า และกระูดูกนิ้วหัวแม่เท้า เมื่อการกดทับมาก จะทำให้มีการอักเสบ และปวด ในบางรายจะถึงกับมีรอยแตกของกระดูกบริเวณนั้นได้เลย
ข้อเท้าแพลง เป็นอีกเรื่องที่พบได้บ่อยในผู้หญิงที่ใส่ส้นสูงมาก และส้นเล็กมาก ๆ เนื่องจากการทรงตัวลำบาก มักจะทำให้เกิดข้อเท้าแพลงได้ง่ายทำให้มีการฉีดขาดของเ้ส้นเอ็น หรือในรายที่เป็นรุนแรงทำให้กระดูกร้าวได้
ทางที่ดีแนะนำว่าไม่ควรใส่ส้นสูงที่สูงเกินกว่า 2 นิ้ว
รองเท้าส้นสูงที่ส้นแหลมเปี้ยว Stilettos


ส้นสูงประเภทเอามาเป็นอาวุธ ใช้เจาะศีรษะได้แบบนี้ ส้นเล็กเหมือนตะปู จะทำให้น้ำหนักตัวกดลงเพียงจุดเดียว จะยิ่งทำให้มีอาการปวดเอ็นร้อยหวายมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าเป็นไปได้เลือกรองเท้าที่ส้นหนาขึ้นสักหน่อยจะช่วยได้
ส้นสูงที่หัวแหลมเปี้ยว

ส้นสูงแบบนี้ มันทั้ง บีบ อัด รัด กด เบียด ข้างหน้าแหลมเปี้ยวประมาณว่าเตะเข้าหน้าแข้งเป็นรูได้ แบบนี้จะทำให้รูปเท้าผิดรูปไป อาจจะทำให้เกิดลักษณะที่หัวแม่เท้าบิดเข้าด้านในผิดรูป และมีกระดูกที่โคนหัวแม่เท้านูนออกมามาก

นอกจากนี้ยังทำให้เกิดตุ่มนูนที่ผิวหนังของโคนนิ้วเท้าบางนิ้วได้
ป้องกันอาการผิดปกติจากการใส่ส้นสูงได้ โดย

1. เลือกรองเท้าส้นสูงที่ขนาดพอดีกับเท้า
ลอง นึกดูว่า บางครั้งใส่รองเท้า แล้วยังลื่นไปด้านหน้าทำให้มีช่องอยู่ที่ส้นเท้าได้ แบบนั้นจะทำให้เกิดอาการปวด หรือเกิดแผลบริเวณเอ็นร้อยหวายได้ นอกจากนั้นยังจะเพิ่มแรงกดที่บริเวณหัวแม่เท้าทำให้มีอาการปวดมากขึ้นด้วย
ควรเลือกที่บริเวณส้นเท้ากระชับพอดีแต่ไม่ถึงกับแน่นเกินไป
2. ลองใช้แผ่นซิลิโคนรองที่บริเวณส่วนหน้าของเท้า
ถ้า มีอาการปวดบริเวณฝ่าเท้าที่โคนนิ้วโป้ง อาจจะลองใช้แผ่นรองที่เป็นคล้ายเจลบาง ๆ ซึ่งจะช่วยลดแรงกระแทก ทำหน้าที่เหมือนเป็นตัวรองรับน้ำหนักอีกระดับหนึ่ง
3. เลือกส้นที่หนาขึ้นหน่อย เืพื่อให้มี stability มากขึ้น
ส้นที่หนากว่าจะช่วยให้ทรงตัวได้ดีกว่า และช่วยลดแรงกดที่บริเวณส่วนหน้าของเท้า และช่วยลดอาการปวดเกร็งชองเอ็นร้อยหวาย
4. เลือกส้นที่เตี้ยลงมาสักนิด
ส้นที่สูงตั้งแต่ถึง 4 นิ้วขึ้นไป จะทำให้เท้าต้องยกขึ้นเกือบตรง และน้ำหนักทั้งหมดจะตกไปอยู่ที่โคนหัวแม่เท้า
ควรลดลงมาเหลือสัก 2 นิ้ว น่าจะกำลังดีและลดอาการปวดไปได้มาก
5. เลือกรองเท้าที่เปิดด้านหน้าบริเวณหัวแม่เท้า
รองเท้าที่เปิดหัวแม่เท้า จะลดแรงบีบรัด และลดความเสี่ยงในการเกิดตุ่มเนื้อแข็ง ๆ ที่นิ้วเท้าถ้าหากว่ามีตุ่มเนื้อแข็ง ๆ ขึ้นมา ให้พบศัลยแพทย์เพื่อจัดการตัดออก
6. ยืดเส้นยืดกล้ามเื้นื้อน่อง และเอ็นร้อยหวายเป็นประจำ

ขอบคุณข้อมูลโดย:  หมอหมี Dr.Carebear Samitivej

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

การมี SEX ดีอย่างไร

ตั้งกระทู้

การมี sex ดีอย่างไร


การมี sex ดีอย่างไร
นักวิชาการที่ช่างสรรหาเรื่องวิจัยระบุว่า ผลพลอยได้จากการมีเพศสัมพันธ์ สะท้อนออกมาทางกระบวนการทางชีววิทยา ถ้าใช้คำว่า ผลพลอยได้ ก็ต้องมีความหมายในแง่บวก เช่น เซ็กซ์ช่วยลดความอ้วน เซ็กซ์ช่วยบำรุงความงาม ช่วยแก้ปวดหัวและอาการแพ้ ช่วยประหยัด...ไม่ต้องซื้อน้ำหอม เซ็กซ์ทำให้ผมนุ่มเป็นเงางาม เป็นต้น ซึ่งเขารวมเรียกว่า คุณูปการของเซ็กซ์ ไว้ดังนี้

1. เซ็กซ์คือการบำรุงความงาม การทดลองทางวิทยาศาสตร์ พบว่าขณะผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์ เธอจะหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนออกมาปริมาณมาก ซึ่งทำให้เส้นผมเป็นเงางามและผิวพรรณนุ่มนวล

2. เพศสัมพันธ์ที่อ่อนโยนและผ่อนคลาย ช่วยลดการอักเสบทางผิวหนัง เช่น สิวและผื่นต่างๆ เหงื่อที่ไหลออกมาเป็นตัวชะล้างรูขุมขน ทำให้ผิวผ่องใส

3. เซ็กซ์ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ที่คุณกินเข้าไปช่วงมื้อค่ำอันโร แมนติก

4. เซ็กซ์คือการออกกำลังกายที่ปลอดภัยที่สุด ทั้งช่วยยืดเส้นยืดสายและทำให้กล้ามเนื้อตึงในทุกๆ ส่วนของร่างกาย อีกทั้งน่าสนุกกว่าจ๊อกกิ้งหรือว่ายน้ำสัก 20 เที่ยวเป็นไหนๆ แถมยังไม่ต้องใช้รองเท้ากีฬาแพงๆ

5. เซ็กซ์ช่วยลดความตึงเครียดได้ดียิ่ง กิจกรรมทางเพศช่วยทำให้ร่างกายหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ในกระแ สเลือดทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น

6. มีเซ็กซ์บ่อยๆ คุณยิ่งได้รับสารเคมีที่ชื่อ ฟีโรโมนส์ (Pheromones) มากยิ่งขึ้น
7. กลิ่นตัวที่ถูกขับออกมาขณะมีความต้องการทางเพศ เป็น น้ำหอม ที่ช่วยกระตุ้นให้เพศตรงข้ามคึกคักได้อย่างเหลือเชื่อ

8. จูบกันทุกวันลดอาการฟันผุ การจูบกระตุ้นน้ำลายให้ขับน้ำลายออกมา จึงช่วยชะล้างฟันของคุณให้สะอาด

9. เซ็กซ์แก้ปวดหัว ตลอดกระบวนการทางเพศจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดซึ่งไปปิด กั้นหลอดเลือดในสมองไว้

10. ร่วมเพศบ่อยๆ ช่วยแก้อาการคัดจมูก เพราะเซ็กซ์เป็นยาแอนตี้ฮิสตามีนจากธรรมชาติ แก้อาการแพ้ฝุ่นแพ้ละอองได้ดี

11. เซ็กซ์จะเป็นยานอนหลับที่มีประสิทธิภาพดีกว่า แวเลี่ยม (Valium) หลายเท่า ถ้าคุณ สามารถ มีเซ็กซ์เกิน 5 ครั้งในหนึ่งคืน ( ถ้าไม่สามารถ ห้ามทำเด็ดขาด )

เพื่อให้ได้สิ่งที่เรียกว่า ผลพลอยได้ จึงต้องมีเซ็กซ์ตามสมควร อย่าถึงกับต้องหักโหม เพราะนั่นจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าโชคดีในเรื่องเพศ